ลงทุนกับ myinvestmentarea

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บทที่ ๒ - ๓ ทรงประกาศพระศาสนาและมอบความเป็นใหญ่ให้พระสงฆ์

ทรงประกาศพระศาสนาและมอบความเป็นใหญ่
  • เมื่อ ตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงพักผ่อนเป็นเวลา ๗ สัปดาห์ แล้วเสด็จไปเผยแผ่พระศาสนา โดยเสด็จไปแสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี การแสดงธรรมครั้งแรกนี้เรียกว่า "ปฐมเทศนา" ธรรมที่ทรงแสดงเรียกว่า "ธัีมมจักกัปปวัตตนสูตร" ซึ่งว่าด้วยแนวทางที่พึงปฏิบัติ เรียกว่า "มัชฌิมปฏิปทาหรือทางสายกลาง" (อริยมรรคมีองค์ ๘) และ "อริยสัจสี่"
  • หลังจากจบพระธรรมเทศนา ท่านโกณฑัญญะ ได้เกิด "ดวงตาเห็นธรรม" ในวันเพ็ญเดือน ๘ (วันอาสาฬหบูชา) จึงทูลขอบวชเป็นพระสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมาอีกสี่ท่านที่เหลือก็ได้ดวงตาเห็นธรรมและทูลขอบวชตามลำดับ
  • ต่อ จากนั้นมา ได้มีผู้เลื่อมใสศรัทธาเข้ามาบวชเป็นจำนวนมาก อาทิ ยสกุลบุตร พร้อมสหายชาวเมืองพาราณสี และบริวารจำนวนรวม ๕๕ คน ชั่วระยะเวลาไม่นาน ก็มีพระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๖๐ รูป ซึ่งมีจำนวนมากพอ พระองค์จึงทรงให้แยกย้ายกันไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังแว่นเคว้นต่าง ๆ ส่วนพระองค์ได้เสด็จไปโปรดชฏิล (นักบวชเกล้าผม) ๓ พี่น้อง พร้อมทั้งบริวารจำนวน ๑,๐๐๐ รูป ที่ตำบลอุรุเวลา เสนานิคม ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของพระเจ้าพิมพิสารและประชาชนชาวเมืองราชคฤห์ ชฎิลทั้งหมดยอมละทิ้งลัทธิความเชื่อเดิมของตน กราบทูลขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า พระเจ้าพิมพิสาร ได้ถวายสวน (ไผ่) และสร้างขึ้นเป็นวัดสำหรับเป็นที่ประทับขชองพระพุทธเจ้า ชื่อว่า "พระเวฬุวันมหาวิหาร (หรือวัดเวฬุวัน)" นับเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา
  • ณ เมืองราชคฤห์นี้ เด็กหนุ่มสองคนซึ่งเป็นศิษย์ของสัญชัยเวลัฎฐบุตร นักปรัชญาเมธีผู้มีื่ชื่อเสียงคนหนึ่ง ได้มาขอบวชเป็นสาวกและมีชื่อเรียกทางพระพุทธศาสนาในเวลาต่อมาคือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตามลำดับ ทั้งสองท่านได้รับแต่งตั้งจากพระพุทธเจ้าให้เป็นพระอัครสาวก โดยพระสารีบุตร เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา มีความเป็นเลิศกว่าผู้อื่นทางปัญญา และพระโมคคัลลานะ เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เป็นเลิศกว่าผู้อื่นทางมีฤทธิ์มาก
  • เมื่อ ประดิษฐานพระศาสนาในแคว้นมคธได้อย่างมั่นคงแล้ว ต่อมาไม่นานพระพุทธศาสนาก็มีศูนย์กลางแห่งใหม่ที่เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล โดยอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้สร้างวัดพระเชตวันขึ้น แล้วกราบทูลอารธนาพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ไปอยู่ประจำ และนางวิสาขามหาอุบาสิกาเศรษฐินิีคนหนึ่ง ก็มีจิตศรัทธาสร้าง วัดบุพพาราม ถวายด้วย
  • ในระยะแรก ๆ พระพุทธเจ้าจะทรงบวชให้เฉพาะผู้ที่มาทูลขอบวชต่อพระองค์เอง ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ต่อมาเมื่อจำนวนคนมาขอบวชมีมากขึ้น บ้างก็อยู่ห่างไกลไม่สามารถจะเดินทางมารับการบาชจากพระองค์ได้ พระองค์จึงทรงมอบภาระหน้าที่นี้แก่พระสงฆ์ โดยทรงมอบความเป็นใหญ่ให้พระสงฆ์ปกครองกันเอง โดยมีพระธรรมวินัยเป็นหลักในการปกครอง การทำสังฆกรรม (สิ่งที่พระสงฆ์พึงทำ) ทุกอย่าง จะต้องประชุมปรึกษาหารือกัน บางเรื่องต้องได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ บางเรื่องต้องได้รับความเห็นชอบโดยเสียงข้างมากจึงจะใช้ได้ จะเห็นว่าลักษณะการปกครองและการอยู่รวมกันในแวดวงของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เป็นบรรยากาศแห่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลา ๔๕ ปี แห่งการประกาศศาสนา ได้มีคนยอมรับนับถือพุทธศาสนาจำนวนมากมาย คนเหล่านั้นเรียกว่า พุทธบริษัท หรือพุทธศาสนิก แบ่งเป็น ๔ เหล่า คือ
๑. ภิกษุ
๒. ภิกษุณี
๓. อุบาสก
๔. อุบาสิกา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น