นักจิตวิทยาเห็นว่า ความเสื่อมหรือความเจริญของบุคคล อยู่ภายใต้อิทธิพลของสภาพ
๒ ประการ คือ
๑. พันธุกรรม
๒. สิ่งแวดล้อม
และได้กล่าวถึงความสำคัญของสภาพทั้ง ๒ ไว้ว่า พันธุกรรมวางพื้นฐานชีวิต สิ่งแวดล้อมกำหนดขอบเขตความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต
ความเห็นของนักจิตวิทยา สอดคล้องกับมติพระพุทธศาสนาในเรื่องพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม แต่ทางพระพุทธศาสนามีความหมายเรื่องพันธุกรรมกว้างและลึกซึ้งมากกว่าทางจิตวิทยา ในที่นี้จะไม่นำเรื่องพันธุกรรมมากล่าว จะกล่าวเฉพาะสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว มีภาษิตว่า ยํ เว เสวติ ตาทิโส แปลว่า คบคนเช่นใดก็เป็นคนเช่นนั้น นั่นคือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมตามทัศนะของพระพุทธศาสนา
บรรดาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จะเป็นสิ่งที่มีหรือมีรูปธรรม เช่น คน โรงเรียน สถานที่ทำงานหรือเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน เช่นกฎหมาย ข้อบังคับ จารีต ประเพณี หรืออื่นนอกจากนี้ก็ตาม ทางพระพุทธศาสนาถือว่า คนสำคัญกว่าทุกอย่าง เพราะสิ่งต่าง ๆ เกิดจากคนทั้งนั้น คนสร้างขึ้นและบันดาลให้เป็นไป ในจำนวนคนที่เราใกล้ชิด ผู้เป็นมิตรสหาย สำคัญกว่าทุกคน มิตรได้แก่คนที่คุ้นเคยรักใคร่สนิทสนมกัน ส่วนสหาย ได้แก่คนที่เคยเห็น เคยร่วมงานกัน มิตรสำคัญกว่าสหาย เพราะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ถ่ายเทอัธยาศัยใจคอ และกิริยามารยาท ตลอดถึงความประพฤติให้กัน ฉะนั้น การคบมิตรจึงจำต้องเลือก มิตรดีเรียกกัลยาณมิตร มิตรไม่ดีเรียกปาปมิตร หรือมิตรดีเรียกมิตรแท้ มิตรไม่ดีเรียกคนเทียมมิตร มิตรเหล่านี้ มีลักษณะต่าง ๆ กันดังนี้
มิตรแท้ ๔ จำพวก
ก. มิตรมีอุปการะ ข. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
มีลักษณะ ๔ อย่าง มีลักษณะ ๔ อย่าง
๑. ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว ๑. ขยายความลับของตนแก่เพื่อน
๒. ป้องกันทรัพย์สมบัติของ ๒. ปิดความลับของเพื่อนไม่ให้
เพื่อนผู้ประมาทแล้ว แพร่งพราย
๓. เมื่อมีภัยเป็นที่พึ่งพำนักได้ ๓. ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๔. เมื่อมีธุระ ช่วยออกทรัพย์ให้ ๔. แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้
เกินกว่าที่ออกปาก
ค. มิตรแนะประโยชน์ ง. มิตรมีความรักใคร่
มีลักษณะ ๔ อย่าง มีลักษณะ ๔ อย่าง
๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ๑. ทุกข์ ๆ ด้วย
๒. แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี ๒. สุข ๆ ด้วย
๓. ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๓. โต้เถียงคนพูดติเตียนเพื่อน
๔. บอกทางสวรรค์ให้ ๔. รับรองคนที่กล่าวสรรเสริญเพื่อน
มิตร ๔ ประเภทนี้ จัดเป็นกัลยาณมิตร ควรคบ คบแล้วจะช่วยให้ชีวิตรุ่งโรจน์ ตรงตามภาษิตที่ว่า “คบคนดีเป็นศรีแก่ตัว” หรือ “ คบบัณฑิต ๆ พาไปหาผล”
คนเทียมมิตร ๔ จำพวก
ก. คนปอกลอก ข. คนดีแต่พูด
มีลักษณะ ๔ อย่าง มีลักษณะ ๔ อย่าง
๑. คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ๑. เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย
๒. เสียให้น้อยคิดเอาให้ได้มาก ๒. อ้างเอาของที่ไม่มีมาปราศรัย
๓. เมื่อมีภัยถึงตัวจึงรับทำกิจให้เพื่อน ๓. สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้
๔. คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว ๔. ออกปากพึ่งไม่ได้
ค. คนหัวประจบ ง. คนชักชวนในทางฉิบหาย
มีลักษณะ ๔ อย่าง มีลักษณะ ๔ อย่าง
๑. จะทำชั่วก็คล้อยตาม ๑. ชักชวนดื่มน้ำเมา
๒. จะทำดีก็คล้อยตาม ๒. ชักชวนเที่ยวกลางคืน
๓. ต่อหน้าว่าสรรเสริญ ๓. ชักชวนให้มัวเมาในการเล่น
๔. ลับหลังว่านินทา ๔. ชักชวนเล่นการพนัน
มิตร ๔ ประเภทนี้ จัดเป็นบาปมิตร หรือมิตรเทียม ไม่ควรคบ คบแล้วจะทำให้ชีวิตอับเฉา เสื่อมเกียรติ ตรงตามภาษิตที่ว่า “ คบคนชั่วอัปราชัย” หรือ “คบคนพาล ๆ พาไปหาผิด”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น