อกุศลมูล ๓ และกุศลมูล ๓
การทำความชั่วทุกอย่างย่อมนำความเดือดร้อนมาสู่ผู้กระทำ และผู้อื่น ส่วนการทำความดี ทุกอย่างก็ย่อมนำความสงบสุขมาสู่ผู้กระทำและผู้อื่นเช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรรู้ถึงต้นเหตุที่ทำให้คนทำความชั่วหรือความดี เพื่อจะได้หาทางหยุดยั้งการทำความชั่วและสนับสนุนการทำความดีต่อไป
อกุศลมูล
อกุศลมูล หมายถึง ต้นเหตุของความชั่วหรือต้นกำเนิดของความชั่ว ซึ่งมีทั้งหมด ๓ ประการ คือ
๑. โลภะ หมายถึง ความอยากได้ไม่รู้จักพอ อยากได้ในสิ่งที่ตนไม่มี อยากได้สิ่งของของผู้อื่น ความอยากได้นี้จะทำให้คนกล้าทำชั่วเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ เช่น การพูดโกหก การทำร้าย
ผู้อื่น การฉ้อโกง การลักขโมย เป็นต้น
๒. โทสะ หมายถึง ความคิดประทุษร้าย ความโกรธ ความฉุนเฉียว ความพยาบาท ผู้ที่มีโทสะจะกล้าทำชั่วได้ทุกอย่างเพื่อทำให้ผู้ที่ตนไม่พอใจได้รับความเดือดร้อน เช่น การกลั่นแกล้ง การทำร้ายให้บาดเจ็บหรือตาย และการให้ร้าย เป็นต้น
๓. โมหะ หมายถึง ความหลง ความเขลา ความโง่ ความเข้าใจผิด ความหมกมุ่น ผู้ที่มีโมหะจะอยู่ในสภาวะที่ไม่รู้จริง หลงผิด ซึ่งเป็นสาเหตุให้กล้าทำชั่วได้ทุกอย่าง เช่น เสพยาเสพ ติดเพราะคิดว่าจะช่วยให้ตนสบายใจ คดโกงเพื่อนเพราะคิดว่าคนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าบุคคลใดมี โลภะ โทสะ หรือโมหะ ก็ย่อมทำชั่วได้ทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา เราจึงควรขจัดสิ่งเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากตนเอง
กุศลมูล
กุศลมูล หมายถึง ต้นเหตุของความดี หรือต้นกำเนิดของความดี มีทั้งหมด ๓ ประการคือ
๑. อโลภะ หมายถึง ความไม่อยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตน ความไม่อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรจะได้ หรือความไม่อยากได้ในสิ่งต่าง ๆ จนเกินความพอดี คนที่มีอโลภะมักจะปรารถนาสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาตามกำลังสติปัญญาหรือความสามารถของตน รู้จักแบ่งปัน และรู้จักเสียสละ
๒. อโทสะ หมายถึง ความไม่โกรธ ไม่คิดประทุษร้าย ไม่พยาบาท คนที่มีอโทสะมักจะให้อภัยผู้อื่นเสมอ รู้แพ้ชนะ และอดทน อดกลั้นความโกรธได้
๓. อโมหะ หมายถึง ความไม่หลง ไม่ขาดสติ คนที่มีอโมหะจะเป็นคนรอบรู้เฉลียวฉลาดในสิ่งที่ควรรู้ รู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งดีที่ควรปฏิบัติ และสิ่งใดไม่ดีไม่ควรปฏิบัติ ดังนั้น ถ้าบุคคลส่วนใหญ่ไม่มีอกุศลมูล แต่มีกุศลมูล ก็ย่อมส่งผลให้สังคมนั้นมีแต่ความสงบสุข รู้ต้นเหตุของการทำความชั่วคือ โลภะ โทสะ โมหะ เรียกว่า อกุศลมูล และรู้ต้นเหตุของการทำความดีคือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ซึ่งเรียกว่า
กุศลมูล
ขอบคุณครับ
ตอบลบ